วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ประเภทของคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์แต่ละประเภทมีอะไรบ้าง? 

การแบ่งประเภทของคอมพิวเตอร์นั้นสามารถแบ่งได้ตามลักษณะการใช้งานได้ 4 ประเภทด้วยกันคือ





1. ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (supercomputer)


คอมพิวเตอร์ประเภทซูเปอร์คอมพิวเตอร์ นั้น  ถือได้ว่าเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วมาก ๆและก็มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในแต่ละประเภท เมื่อมีประสิทธิภาพสูง เรื่องของขนาดเครื่องคอมพิวเตอร์ประเภท Supercomputer ก็มีขนาดใหญ่เช่นกัน แล้ว เรื่องราคาก็สูงตามไปเช่นกันอีกด้วย การใช้งานของประเภท SuperComputer  ส่วนใหญ่จะใช้กับ งานทางด้านวิทยาศาสตร์และด้านวิศวกรรมศาสตร์  เช่น การพยากรณ์อากาศล่วงหน้าเป็นเวลาหลายวัน การศึกษาผลกระทบของมลพิษกับสภาวะแวดล้อมเป็นต้น
















2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (mainframe computer)


ประเภท เมนเฟรมคอมพิวเตอร์นี้ ความสามารถจะน้อยกว่าประเภท ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มากพอสมควร  แต่ยังมีความเร็วสูง และมีประสิทธิภาพสูงกว่ามินิคอมพิวเตอร์หรือไมโครคอมพิวเตอร์  เครื่องคอมพิวเตอร์ประเภท เมนเฟรมนนี้ส่วนใหญ่จะใช้งานด้าน ธนาคาร ซึ่งคอมพิวเตอร์ประเภทนี้สามารถให้บริการ ให้บริการผู้ใช้จำนวนหลายคนพร้อม ๆ ได้ เช่น เช่น ธนาคาร จะใช้คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ในการทำบัญชีลูกค้า หรือการให้บริการจากเครื่องฝากและถอนเงินแบบอัตโนมัติ (automatic teller machine) เป็น ซึ่งเครื่องเมนเฟรมจะเหมือนเครื่องเซฟเวอร์ ที่ทำหน้าที่ให้บริการอัพตโนมัติของธนาคารนั้นเอง












3. มินิคอมพิวเตอร์ (minicomputer)


เครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทมินิคอมพิวเตอร์ นั้นก็จะคล้ายๆกับ ประเภท  เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ แต่ด้านความสามารถในการประมวลผลนั้น จะไม่สามารถเทียบเท่ากับ ประเภทเมนเฟรมได้ แต่ก็ยัง สามารถบริการผู้ใช้งานได้หลายคนพร้อม ๆ กัน แต่จะไม่มีสมรรถภาพเพียงพอที่จะบริการผู้ใช้ในจำนวนที่เทียบเท่าเมนเฟรม คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ประเภทนี้มักจะใช้กับ องค์กรขนาด กลาง จนถึง ขนาดเล็ก หรือ อาจจะใช้เป็นหน่วยย่อยๆขององค์กรใหญ่ๆ ก็ได้














4. ไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer) หรือ พีซี (personal computer หรือ PC )


ไมโครคอมพิวเตอร์ คือ คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ (desktop computer) หรือขนาดเล็กกว่านั้น อาทิเช่น  notebook , netbook และ Tablet เมื่อปีพ.ศ. 2518 เริมมีการนำ คอมพิวเตอร์ประเภทนี้เข้ามาใช้และได้รับการนิยมมากจนถึงปัจจุบัน คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ จะมีขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการใช้งาน ประเภทส่วนบุคคลทั่วๆไป เช่น ดูหนังฟังเพลง เล่นเกมส์ ทำงานเอกสาร และอื่นๆอีกตามสเปกของคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นๆ ราคาของคอมพิวเตอร์ประเภทนี้ก็จะไม่แพงมากนัก ก็ยังคงขึ้นอยู่กับสเปกของแต่ละเครื่องไป
























อ่างอิง

https://sites.google.com/site/5303103355leo/khxmphiwtexr-baeng-tam-khnad-xxk-pen-ki-prapheth-xari-bang-cng-xthibay


http://thaieasy-it.blogspot.com/search/label/%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99





วิวัฒนาการคอมพิวเตอร์



    นับตั้งแต่มีการประดิษฐ์คอมพิวเตอร์เครื่องแรกมาจนกระทั่งปัจจุบัน เราสามารถ  แบ่งยุคของการพัฒนาคอมพิวเตอร์ออกเป็นยุคต่างๆ ได้ 5 ยุค โดยพิจารณาจากเทคโนโลยีที่ใช้ในการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์

 

คอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 

 

  อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2488 ถึง พ.ศ. 2501 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้หลอดสุญญากาศซึ่งใช้กำลังไฟฟ้าสูง จึงมีปัญหาเรื่องความร้อนและไส้หลอดขาดบ่อย ถึงแม้จะมีระบบระบายความร้อนที่ดีมาก การสั่งงานใช้ภาษาเครื่องซึ่งเป็นรหัสตัวเลขที่ยุ่งยากซับซ้อน เครื่องคอมพิวเตอร์ของยุคนี้มีขนาดใหญ่โต เช่น มาร์ค วัน (MARK I), อีนิแอค (ENIAC), ยูนิแวค (UNIVAC)






 





 

 คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 

 

  คอมพิวเตอร์ยุคที่สอง อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2502 ถึง พ.ศ. 2506 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทรานซิสเตอร์ โดยมีแกนเฟอร์ไรท์เป็นหน่วยความจำ มีอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรองในรูปของสื่อบันทึกแม่เหล็ก เช่น จานแม่เหล็ก ส่วนทางด้านซอฟต์แวร์ก็มีการพัฒนาดีขึ้น โดยสามารถเขียนโปรแกรมด้วยภาษาระดับสูงซึ่งเป็นภาษาที่เขียนเป็นประโยคที่คนสามารถเข้าใจได้ เช่น ภาษาฟอร์แทน ภาษาโคบอล เป็นต้น ภาษาระดับสูงนี้ได้มีการพัฒนาและใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน




 



 






คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3 

 

คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม อยู่ระหย่างปี พ.ศ. 2507 ถึง พ.ศ. 2512 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรรวม (Integrated Circuit : IC) โดยวงจรรวมแต่ละตัวจะมีทรานซิสเตอร์บรรจุอยู่ภายในมากมายทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์จะออกแบบซับซ้อนมากขึ้น และสามารถสร้างเป็นโปรแกรมย่อย ๆ ในการกำหนดชุดคำสั่งต่าง ๆ ทางด้านซอฟต์แวร์ก็มีระบบควบคุมที่มีความสามารถสูงทั้งในรูประบบแบ่งเวลาการทำงานให้กับงานหลาย ๆ อย่าง















คอมพิวเตอร์ยุึคที่ 4

 

     คอมพิวเตอร์ยุคที่สี่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 จนถึงปัจจุบัน เป็นยุคของคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรรวมความจุสูงมาก(Very Large Scale Integration : VLSI) เช่น ไมโครโพรเซสเซอร์ที่บรรจุทรานซิสเตอร์นับหมื่นนับแสนตัว ทำให้ขนาดเครื่องคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงสามารถตั้งบนโต๊ะในสำนักงานหรือพกพาเหมือนกระเป๋าหิ้วไปในที่ต่าง ๆ ได้ ขณะเดียวกันระบบซอฟต์แวร์ก็ได้พัฒนาขีดความสามารถสูงขึ้นมาก มีโปรแกรมสำเร็จให้เลือกใช้กันมากทำให้เกิดความสะดวกในการใช้งานอย่างกว้างขวาง













คอมพิวเตอร์ยุึคที่ 5

 

คอมพิวเตอร์ยุคที่ห้า เป็นคอมพิวเตอร์ที่มนุษย์พยายามนำมาเพื่อช่วยในการตัดสินใจและแก้ปัญหาให้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีการเก็บความรอบรู้ต่าง ๆ เข้าไว้ในเครื่อง สามารถเรียกค้นและดึงความรู้ที่สะสมไว้มาใช้งานให้เป็นประโยชน์ คอมพิวเตอร์ยุคนี้เป็นผลจากวิชาการด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ประเทศต่างๆ ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศในทวีปยุโรปกำลังสนใจค้นคว้าและพัฒนาทางด้านนี้กันอย่างจริงจัง





 















อ่างอิง 

http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet1/hardware/index01.htm

http://jsbg.joseph.ac.th/pm08/alesson/computer%20p2/__2.html